I have to confess, if Thai cook books are half as well written as this book, I would have graduated the Thai Cordon Bleu by now :P -- Most of the time, I got confused and frustrated and give up all together given my track records -- ha ha. Anyway, the history of "pies" is quite long and interesting. Check out this link if you are interested: The History of Pie by Slice of Life Sunday .

เริ่มแรกพายเป็นอาหารคาวก่อน แล้วค่อยๆ แพร่ขยายวงกว้างไปสู่ของหวานจนมีตำหรับมากมายนับไม่ถ้วนในปัจจุบัน ส่วนในอเมริกา คนยุโรปที่มาตั้งรกรากก็นำเอาสูตรมาด้วย น่าสนใจที่แต่ละภาคในอเมริกาก็จะมีพายเด่นๆ ต่างๆ กันไป อย่างทางมิดเวสท์ก็จะเป็นพายผลไม้ อย่าง Rhubarb pie, ที่ฟลอริด้า ก็มี Key Lime Pie เป็นต้น อากาศที่นี่ช่วงนี้ถึงจะไม่หนาวมากนัก แต่ก็ชวนให้ทานอาหารที่ทำให้สุขใจเป็นอย่างยิ่ง ก็เลยลุกขึ้นกัดฟันลองทำดู ส่วนที่ยากคงจะเป็นแป้งพาย -- ที่มีหลากหลายวิธีตั้งแต่ง่ายจนถึงยากที่สุดสำหรับฉัน อย่าง พัฟเพสตรี้ (puff pastry) ที่ซักวันคงจะพยายามบ้าง แต่วันนี้ลองใช้สูตรต้นตำหรับที่ต้องโรลด้วย อิอิ อยากใช้โรลลิ่งพินที่ซื้อมาตั้งนานแล้วอ่ะ
ปกติเค้าจะทำพ้อตพายไก่ แต่หมู่นี้ขี้เกียจทานเนื้อสัตว์ ก็เลยลองทำเป็นพ้อตพายผัก (เข้าใจว่า pot pie ของอเมริกันส่วนมากมีแป้งเฉพาะข้างบน ไม่เหมือนยุโรป) อืมมม อร่อยเกินขาด ต้องขอขอบคุณตำราอาหารคู่ใจ เดอะจอยออฟคุ้กกิ้ง ที่เขียนดีที่สุดเลย ละเอียดทำตามง่าย ไม่เหมือนตำราอาหารไทยที่เขียนเอาพอสังเขป (แม้ว่าไม่ได้ตั้งใจอย่างงั้น มั้ง) แบบว่าส่วนมาก คนทำอาหารใช้สามัญสำนึกเอง ที่ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีสามัญสำนึกในการครัวเป็นอย่างยิ่ง -- สังเกตได้ว่า แม่ครัวไทยเก่งที่สุดในโลก ไม่เคยเห็นคนไหนอ่านตำราเลยซักคน 555 อ้าว นี่ว่าจะเขียนนิดเดียว เพ้อเจ้อไปเรื่อยๆ อีกแล้ว อิอิ -- ทั้งนี้ทั้งนั้น พออ่านเรื่องเกี่ยวกับพายไป ก็พาลให้ไปนึกถึงอาหารจานโปรดที่แม่ทำให้ทานในโอกาสพิเศษเสมอตอนเด็กๆ คือ สตูลิ้นวัว พอโตขึ้นหาทานไม่ค่อยได้แล้ว คงเพราะโรคภัยของวัวมากเหลือเกิน แล้วคนก็เลิกทานเนื้อกันเยอะเนอะ
0 comments:
Post a Comment