Pages

สุกี้แห้งเคลกับถั่วแบลคอายส์พีส์

สองสามปีมานี่ ผักเคล (Kale) เป็นที่นิยมกันมาก ว่ากันว่ามีประโยชน์มาก อาจช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงในการมะเร็ง ลดความดันโลหิต และลดโอกาสการเป็นหอบหืด แต่คนเป็นไทรอยด์ต้องระวัง อย่าทานดิบ ต้องทำให้สุกก่อน

Honey Pecan Quinoa Granola

Very yummy and easy to make granola

พิซซ่ากะทะหน้าเพสโต้กะเพราะและเห็ด

พิซซ่าทำไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ ทำทานเองที่บ้านได้สบาย ใช้เวลาหน่อยเท่านั้นเอง แต่ว่าแป้ง ก็ทำไว้ตอนก่อนเข้านอน วันรุ่งขึ้นก็ค่อยมาทำได้ค่ะ

Quinoa

My latest discovery of this super (pseudo)grain full of protein and tons other nutrients which I combined with my homegrown herbs into a sumptuous meal.

Asparagus

High in vitamins B6 and C, plus fiber, folate and glutathione, an anti-carcinogen and antioxidant, asparagus is an excellent nutritional choice.

Monday, May 25, 2015

กวาคาโมลี่ (Guacamole) - เปี่ยมคุณค่าโภชนาการ

หลายคนไม่ชอบทานอะโวคาโด้ เลยอยากจะแนะนำเมนูนี้ค่ะ ง่ายๆ อร่อยๆ แซ่บถูกปากคนไทย เอาไว้เป็นอาหารว่าง จิ้มกับข้าวเกรียบก อร่อยเหาะค่ะ



ส่วนผสม

อะโวคาโดสุกกำลังดี ลูกใหญ่ 2 ลูก
มะนาว 1 ลูก
มะเขือเทศ  1-2 ลูก หั่นลูกเต๋า เอาเมล็ดออก
พริกฮาลาพิโน่ ​(Jalapeno) หรือพริกซี้ฟ้า 1/2 - 1 ลูก
กระเทียม 1 กลีบ สับละเอียด
ผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ตามชอบ
พริกคาแยน (Cayenne Pepper) - ไม่ใส่ก็ได้
ยี่หร่า - ไม่ชอบไม่ใส่ก็ได้

วิธีทำ

1. เลือกอะโวคาโดที่สุกกำลังดี นิ่มแต่แน่น

2.  ผ่าครึ่ง

3. เอาเม็ดออกด้วยการเอามีดกดลงไปบนเม็ดมัน แล้วบิดมือไปด้านข้างเบาๆ เม็ดก็จะหลุดออกมาอย่างง่ายดาย

4. อโวคาโด้ที่เอาเม็ดออกแล้ว 
5.  เอาช้อนเล็กๆ คว้านเนื้ออโวคาโด้ใส่ชามใหญ่

6. นำอโวคาโด้ที่คว้านจากเปลือกแล้วมาใส่ในชาใหญ่

7. บีบมะนาวทั้งผลลงไปชะโลมให้ทั่ว ป้องกันไม่ให้อะโวคาโด้ดำ

8. เทน้ำมะนาวออกใส่ถ้วยพักไว้ เพื่อเอามาปรุงรสทีหลัง ตอนนี้ ใส่เกลือ พริกคาแยน หรือปริกป่น เกลือ ยี่หร่านี่ ใส่แล้วหอมดี แต่ว่าตำให้ละเอียดก่อนใส่ จะดีกว่า วันนั้นขี้เกียจ 5555


9. หั่นส่วนผสมอื่นๆ

10. ใส่ลงไปในชาม คลุกเคล้าให้เข้ากัน ด้วยส้อมหรือช้อน สับๆ บดๆ ไปจนเข้ากัน 
11. พอคนเสร็จ หน้าตาอย่างนี้ เรียก ควากาโมลี่ เลยค่ะ

12. เอาพลาสติกปิด กดๆ ลงไปบนเนื้อเลย จะได้ป้องกันไม่ให้มันโดนอากาศ จะได้ไม่ดำค่ะ ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง ซัก 1-2 ชั่วโมงก็ได้ รอให้รสต่างผสมผสานกันจนกลมกล่อม



หลังจากทิ้งไว้ ลองชิมรสอีกที ปรุงรสด้วยเกลือ มะนาว พริก ตามชอบ แล้วทานกับข้าวเกรียบ หรือจะเอาไปทานกับสลัดและอาหารก็ได้นะคะ


Tuesday, May 12, 2015

ทำวนิลลาสกัด​ (Vanilla Extract) เองที่บ้านกันเถอะ

เวลาทำขนม ต้องใช้วนิลลาเยอะ แล้วที่ซื้อเค้าเราก็ไม่รู้ว่าใช้กลิ่นแท้หรือกลิ่นปลอม หรือใส่อะไรกันแน่นะคะ อย่ากระนั้นเลย มาทำใช้เองกันเถอะค่ะ ง่ายๆ ไม่ยากเลย


ส่วนผสม

ฝักวนิลลา 3-4 ฝัก ต่อ ขวดขนาด 8 ออนซ์ **
เหล้าว้อดก้า
ขวดแก้วสีเข้ม พร้อมฝาปิด ไม่มี ก็ใช้ขวดใสได้ค่ะ 


ฝักวนิลลา

วิธีทำ

  1. ใช้มีดคมๆ ค่อยกรีดฝักวนิลลาให้แยกออกจากกัน แล้วหั่นครึ่งฝัก เพื่อให้ใส่ในขวดได้พอดี
  2. ใส่ฝักวนิลลา ซัก 6-8 ชิ้นในแต่ละขวด ถ้าเมล็ดวนิลลา ติดมีด ก็เอาขูดๆ ลงไปในขวดด้วยนะคะ เสียดาย หอม เทว้อดก้าจนท่วมฝักวนิลลา ปิดฝา 
  3. แล้วเอาไว้ในตู้ที่มืดและเย็น เราต้องทิ้งไว้ 6 สัปดาห์วนิลลาสกัดถึงจะนำมาใช้ได้ หลังจากแต่ละสัปดาห์ผ่านไป ให้คอยเขย่าขวดให้ฝักและเมล็ดวนิลลากระจายไปทั่วๆ นะคะ
  4. พอครบหกสัปดาห์น้ำวนิลลาก็จะมีสีเข้ม ก็นำมาใช้ได้เลย ไว้ใส่ขนม เครื่องดื่ม อาหารต่างๆ ค่ะ พอว้อดก้าพร่อง ก็เติมลงไปได้จนท่วมค่ะ พอกลิ่นจากก็ค่อยทำใหม่ แล้วเอาฝักมาล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง แล้วเอาไปใส่ไว้ในโถน้ำตาลก็ได้ น้ำตาลจะหอมเชียวค่ะ  

** ฝักวนิลลามีหลายพันธุ์นะคะ เลือกตามใจชอบ ถูกแพง กลิ่นหอมแบบไหน  ตัวเองซื้อจากร้านบ้าง ซื้อจาก amazon.com บ้างค่ะ

แรงบันดาลใจมาจาก Tidy Mom 

ข้อมูล:

Friday, October 24, 2014

ซุปเห็ดข้น แบบไม่ต้องใช้นมหรือครีม


อากาศเริ่มจะเย็นลงแล้ว ได้เวลาทำซุปทานกันอีกแล้วค่ะ วันก่อนคุยกับเพื่อน คิดขึ้นมาได้ว่า เมื่อก่อนชอบกินซุปเห็ดกระป๋องของแคมป์เบลจังนะ แต่พออายุมากขึ้นชักไม่ไหว พวกอาหารกระป๋องนี่ โซเดียมมันสูงเหลือเกิน คงไม่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับสาวสองพันปีอย่างเราเป็นแน่เนอะคะ หลายปีมานี่ก็ไม่ได้ทานซุปเห็ดเล้ยยย พอพูดถึงก็เลยอยากทานขึ้นมาทีเดียว

เลยลองไปหาวิธีทำดู เจอวิธีทำซุปครีมเห็ด เลยเอามาประยุกต์ใช้ของที่มีอยู่ในครัวเราอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ใส่ครีม ออกมาใช้ได้เลยทีเดียว อร่อยจนไม่รู้สึกว่าขาดครีมไปเลย แล้วทำไม่ยากอย่างที่คิด ไม่ต้องทานของกระป๋องแล้วล่ะ

เครื่องปรุง

  • เห็ดครีมีนี่ เห็ดสีน้ำตาล หรือเห็ดหอมสด  2  ถ้วย
  • น้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะ
  • เนย 4 ช้อนโต๊ะ (ครึ่งแท่ง)
  • หอมขาวหั่นเล็กๆ (ถ้าไม่มีใช้หอมแดงก็ได้) 1 ถ้วยตวง
  • แครอท 1 หัว หั่นเป็นลูกเต๋า (ในภาพดูเยอะไปหน่อย เพราะอยากล้างตู้เย็น น้ำสต้อกเลยออกมาหวานไปนิด แต่ถ้าคนชอบหวาน ก็ใส่ไปเลย 2-3 หัวนะคะ)
  • มีผักอย่างอื่นอะไรที่อยากกำจัดก็เอามาหั่นใส่ได้ค่ะ อย่างที่เห็นเอารากผักชีมาใส่ด้วย
  • น้ำ 6 ถ้วย
  • แป้งเอนกประสงค์ หรือแป้งข้าวโพด 1/4 ถ้วย
  • น้ำ 1 ถ้วย
  • กระเทียม 4-5 กลีบ ทุบแล้วหั่นหยาบๆ
  • เกลือ
  • พริกไทย


วิธีทำ

  • ทำความสะอาดเห็ดโดยใช้กระดาษเช็ดเบาๆ อย่าล้าง เด็ดก้านเห็ดออกแยกไว้ หั่นเล็กๆ 
  • เตรียมหม้อสองใบ ใบแรกเอาไว้ต้มน้ำสต้อก อีกใบไว้ผัดเห็ด
  • เอาหม้อที่จะต้มน้ำสต้อก ตั้งไฟกลาง ใส่เนย กับน้ำมันมะกอกครึ่งนึง

  • พอร้อน เอาหอม แครอท ก้านเห็ด และผักอื่นๆ ที่จะต้มน้ำสต้อกลงไปผัดให้หอม ตั้งไปจนผักนิ่ม ประมาณ 10-15 นาที
  • ใส่น้ำลงไป 6 ถ้วย ตั้งให้เดือด แล้วหรี่ไฟอ่อนๆ เคี่ยวไปประมาณ 30 นาที

  • ตั้งหม้ออีกใบ พอร้อนใส่น้ำมันมะกอกและเนยที่เหลือลงไป เอากระเทียมลงไปผัดให้หอม แล้วใส่เห็ดที่หั่นไว้ลงไปผัดจนนิ่ม (ประมาณ 10 นาที)

  • เอาแป้งผสมน้ำเย็น ​1 ถ้วย คนให้เข้ากัน เทลงไปในเห็ด หรี่ไฟ คนให้แป้งข้นขึ้น

  • กรองเอาแต่น้ำสต้อก (ผักทิ้งไป) เทลงไป แล้วตั้งให้เดือด หรี่ไฟต้มต่อ อีกสัก 5-10 นาที ใส่พริกไทย เกลือ ปรุงรสตามชอบ ปิดไฟ
  • รอให้ซุปอุ่นลงหน่อย เอาไปปั่นในเครื่องปั่นให้เนื้อเนียน
  • ตักใส่ชาม ทานร้อนๆ  


วิธีเลือกข้าวโอ้ต

ข้าวโอ้ตเป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก เพราะเชื่อว่าช่วยลดคลอเรสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ และเบาหวาน มีกากใยมาก ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง โดยเฉพาะในลำไส้ ช่วยในการลดน้ำหนัก ฯลฯ อีกมากมาย

แต่หลายคนคงมีปัญหาแบบเดียวกับฉัน ที่ไม่ค่อยชอบความแหยะๆ เละ ของข้าวโอ้ตเท่าไหร่ เลยอยากจะแนะนำวิธีเลือกข้าวโอ้ต แบบที่ไม่ค่อยเละค่ะ



ข้าวโอ้ตที่เราเคยชินและเห็นขายกันอยู่ทั่วไป อย่างยี่ห้อ เควกเก้อร์​ (Quaker Oats) ส่วนมากจะเป็นแผ่นแบนๆ พวกนี้ คือข้าวโอ้ตที่เค้าเอามารีดให้เป็นแผ่นๆ บางๆ เพื่อจะได้ต้มสุกได้เร็ว ซึ่งคือที่เรียกว่า Rolled Oats หรือ Old-Fashioned Oaks นอกจากนี้ก็ยังมีแบบที่เติมน้ำร้อนแล้วทานได้เลย หรือ Quick-Cooking Oats ก็คือพวกข้าวโอ้ตแผ่นนี่ ที่เอาไปรีดให้บางลงอีก

ข้อดีของมันก็คือ สุกง่ายมาก แต่สำหรับบางคน รวมทั้งตัวเองด้วยแล้ว บางทีความเละของมันทำให้กินไม่ค่อยลง เลยทำให้ไม่อยากกิน จนกระทั่งมาเจอข้าวโอ้ตแบบที่เค้าเรียกว่า Steel-Cut Oats หรือ Irish Oats คือข้าวโอ้ตก่อนที่จะไปรีดให้แบน -- แบบนี้ ใช้เวลาต้มนานมากหน่อย แต่ต้มทีละเยอะ แล้วเก็บเข้าตู้เย็นแล้วเอามาอุ่นทานได้หลายมื้อ มันไม่เละเหมือนแบบที่เราเคยชิน เวลาทานก็กรุบดีค่ะ ชอบกว่ามากเลยทีเดียว


วิธีต้มข้าวโอ้ต แบบ Steel-Cut

ปกติ ไม่เคยค้นวิธีที่ถูกต้อง ก็ใส่หม้อต้ม ใส่น้ำพอประมาณ อาจจะประมาณ ข้าวโอ้ต 1/2 ถ้วย ต่อน้ำ 1 ถ้วย ใส่เกลือนิดหน่อย แล้วค่อยเติมน้ำทีหลัง เพราะถ้าใส่น้ำเยอะไป เดี๋ยวมันก็จะเละๆ นะคะ คอยคน ไม่ให้ติดก้นหม้อ พอเดือด ก็หรี่ไฟให้อ่อนมากๆ ต้มต่อไปจนนุ่มตามต้องการ (ประมาณ 20 นาที หรือนานกว่านั้น) ต้องคอยคนหน่อย ไม่งั้นติดก้นหม้อ

วิธีที่สอง เค้าบอกให้แช่ค้างคืนก่อนต้ม ซึ่งยังไม่เคยทำ คราวหน้าจะลอง บางตำราว่า การแช่ข้าวนี่ ทำให้มันแตกตัว ทำให้ร่างกายจะได้สารอาหารสมบูรณ์กว่า ก็ไม่รู้จริงมั้ย ไม่เห็นใครเคยบอก แต่อ่านเจอ

วิธีที่สาม บอกให้ต้มน้ำให้เดือดก่อนใส่ข้าว แล้วต้มต่อตามวิธีที่หนึ่ง

ถ้าขี้เกียจต้มบ่อยๆ ก็ต้มทีละเยอะหน่อยได้ แล้วทุกเช้าก็เอามาอุ่น ได้เลยค่ะ



ตอนจะทาน ก็โรยหน้าด้วยน้ำตาลทรายแดง ผลไม้แห้ง ถั่ว หรือผลไม้สด อย่างกล้วย ก็ได้ตามชอบค่ะ

แค่นี้ก็ไม่ต้องทานข้าวโอ้ตเละๆ แล้วค่ะ ลองทำทานดูนะคะ




อ้างอิง



Visit Toi's profile on Pinterest.

Tuesday, October 14, 2014

Honey Pecan Quinoa Granola - กราโนล่า ใส่คีนัวร์ พีคาน และน้ำผึ้ง



อาหารเช้าเปี่ยมคุณประโยชน์อีกอย่างคือ กราโนล่า ที่ทำไม่ยาก และดีกว่าซื้อซีเรียลที่ซื้อตามท้องตลาด เพราะเราสามารถคุมความหวานได้ และเลือกใส่สิ่งที่เราชอบได้

เราอาจคุ้นเคยกับคำว่า มุสลี่ มากกว่า กราโนล่า และสงสัยว่ามันต่างกันยังไง

จริงๆ แล้ว ทั้งสองอย่าง คล้ายๆ กัน มูสลี่ คิดขึ้นในสวิส ทำด้วยพวกธัญพืชต่างๆ โดยเฉพาะ ข้าวโอ้ต ผสมกับ ผลไม้แห้ง เมล็ด และถั่วต่าง แต่ไม่ต้องทำให้สุก กินอย่างนั้น หรือไม่ก็แช่นมไว้ข้ามคืน

ส่วนกราโนล่า คิดขึ้นในอเมริกา ทำคล้ายกัน แต่อาจใช้ โอ้ต บาร์เล่ หรือไร ก็ได้ แต่ผสม น้ำผึ้งหรือน้ำหวาน และน้ำมัน แล้วนำไปอบให้สุก ทานกับนม หรือ โยเกิร์ต


ส่วนผสม (ที่ทำครั้งนี้นะคะ ใครชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ดัดแปลงได้ตามสะดวกค่ะ)
  • ข้าวโอ้ต (ใช้ rolled oat, steel cut, หรือ quick oat ก็ได้)   2 ถ้วย
  • คีนัวร์​ดิบ 1 ถ้วย
  • ถั่วพิคาน (หรืออัลมอนด์ก็ได้) 1 ถ้วย
  • เมล็ดเชียร์ ​(chia seeds)  1 ช้อนโต๊ะ
  • เมล็ดแฟล็กส์ (flax seeds) 1 ช้อนโต๊ะ
  • อบเชยผง (ground cinnamon) 2 ช้อนชา
  • นัทเม็ค (nutmeg)  1 ช้อนชา
  • น้ำมันมะพร้าว ทำให้เหลว   1/3 ถ้วย
  • น้ำผึ้งดิบ (raw honey)  1/2 ถ้วย
  • วนิลลา  1 ช้อนชา
  • เกลือ    1/2 ช้อนชา
  • แครนแบรี่แห้ง (หรือลูกเกด)  3/4 ถ้วย
วิธีทำ
  1. เปิดเตาอบที่ 325 องศาฟาเรนไฮท์ (170 องศาเซลเซียส)
  2. ผสมส่วนผสมแห้งทุกอย่างนอกจากเกลือ ในภาชนะใบใหญ่ คนให้เข้ากัน
  3. ในภาชนะเล็ก ดีน้ำมันมะพร้าว น้ำผึ้ง เกลือ วนิลลา ให้เข้ากัน เทลงไปในส่วนผสมแห้ง คลุกให้เข้ากัน
  4. เทส่วนผสม ลงในถาดอบคุกกี้ ที่รองด้วย parchment paper อบนาน 20-25 นาที หรือจนเหลืองกรอบ และมีกลิ่นหอม

Friday, October 3, 2014

สุกี้แห้งเคลอ่อนกับถั่วแบล็กอายพีส์ (เจ) - Spicy Baby Kale, Black-Eyed Peas, Bean Threads and Tofu



สองสามปีมานี่ ผักเคล (Kale) เป็นที่นิยมกันมาก ว่ากันว่ามีประโยชน์มาก อาจช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงในการมะเร็ง ลดความดันโลหิต และลดโอกาสการเป็นหอบหืด แต่คนเป็นไทรอยด์ต้องระวัง อย่าทานดิบ ต้องทำให้สุกก่อน

ปกติที่เห็นและทานอยู่ จะเป็นใบหนาๆ หยักๆ เยอะ เหมือนหนังไดโนเสาร์ ตรงสันใบแข็งๆ ใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะสุก แต่เมื่อวานไปเจอเบบี้เคล หน้าตาไม่เหมือนเคลทั่วไปเลย ลองซื้อมาทานดู สุกง่ายมาก อร่อยดี ผัดแล้ว รสชาติเหมือนผักอะไรซักอย่าง ยังคิดไม่ออก 5555


แล้วก็ถึงเวลาตรวจสอบตู้ พบว่าเหลือถั่วBlack-eyed Peas นี่ในสต้อกเยอะมากกก ลืมไปเล้ยว่า อร่อยนะ เลยไปหาสูตรว่า จะทำเคลผัดกะถั่วนี่

เวลาต้ม จะแช่ หรือไม่แช่ก่อนก็ได้ สุกง่ายอยู่ เพราะเปลือกบาง เจอตำรานึงเค้าบอกให้ใส่ กระเทียมลงไปด้วยเวลาต้ม ซัก 2-3 กลีบ ตั้งไฟกลางให้เดือน แล้วหรี่ไฟ ปิดฝา ต้มไปจนเปื่อย ออกมาอร่อยดี เอามาทานเปล่าๆ แทนข้าว หรือทำสลัดก็อร่อย

เสร็จแล้วเลยเอามาผัดเป็นสุกี้แห้ง

ส่วนผสม
กระเทียม 2-3 กลีบ ทุบ สับละเอียด
พริกขี้หนู 1-2 เม็ด บุบหยาบๆ
วุ้นเส้นแช่น้ำให้นิ่ม แล้วตัดให้สั้นพอประมาณ
มะเขือเทศ 1 ลูก หั่นเป็นชิ้นพอคำ
เบบี้เคล  4-5 ถ้วย
เต้าหู้ หั่นเป็นลูกเต๋า 1 ถ้วย
ถั่วแบล็คอาย ต้มสุก 1 ถ้วย
ซีอิ้วขาวเห็ดหอม
น้ำมันหอย
น้ำจิ้มสุกี้


ตั้งกระทะให้ร้อน ผัดกระเทียมกับพริกให้หอม นำวุ้นเส้นกับมะเขือเทศลงไปผัด ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว น้ำมันหอย น้ำจิ้มสุกี้ พอนิ่ม ใส่เต้าหู้ เคล ผัดให้ผักนิ่ม แล้วใส่ถั่วลงไปคลุกซักครู่ ตักเสริฟ ทานร้อนๆ



Friday, July 11, 2014

พิซซ่ากระทะ หน้าเพสโต้กะเพรา และเห็ด


พิซซ่าทำไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ ทำทานเองที่บ้านได้สบาย ใช้เวลาหน่อยเท่านั้นเอง แต่ว่าแป้ง ก็ทำไว้ตอนก่อนเข้านอน วันรุ่งขึ้นก็ค่อยมาทำได้ค่ะ

สูตรสำหรับพิซซ่า ขนาด 9 นิ้ว (กระทะขนาดปากกว้าง 10 นิ้ว)

ส่วนผสมแป้งพิซซ่า 

แป้งทำขนมปัง (Bread Flour) 1 ถ้วยตวง
ยีสต์แบบขึ้นเร็ว (Active Dry Yeast) 1/4 ช้อนชา (หรือ 1 ซอง)
เกลือ 1/2 ช้อนชา
น้ำเย็น 1/2 ถ้วยตวง

น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ สำหรับ ทากระทะ
เพสโต้กะเพรา 1/3 ถ้วยตวง (สูตรตรงนี้)
เนยแข็ง มอสซาเรลล่า 1 ถ้วยตวง
เห็ด ปริมาณตามชอบ

วิธีทำ
นำแป้ง ยีสต์ และเกลือ เทลงไปในหม้อขนาดกลาง คนให้เข้ากัน เทน้ำลงไป คนจนไม่เหลือแป้งแห้งๆ
เอาพลาสติกคลุมด้านบน แล้วตั้งพักไว้ที่อุณหภูมิห้อง 12-18 ชั่วโมง ให้แป้งขึ้น

เมื่อได้เวลา นำแป้งเล็กน้อยมาโรยบนแป้งที่ขึ้นได้ที่ (จะนิ่มๆ มีฟองอากาศ) เพื่อให้สามารถ ทำเป็นก้อนได้
เสร็จแล้ว เอาน้ำมันมะกอกลูกกระทะ ด้วยนิ้วมือให้ทั่ว แล้วนำแป้งไปกดลงในกระทะ ปิดฝาตั้งทิ้งไว้ อีก 2  ชั่วโมง

อุ่นเตาอบที่ 475 องศาฟาเรนไฮท์ (หรือร้อนที่สุดที่เตาอบทำได้)

เนื่องจากเห็ดมีความชื้นสูง จะทำให้พิซซ่าไม่กรอบ ต้องรีดน้ำออกก่อน โดยนำไปวางบนจานที่ปูด้วยกระดาษ paper towel สองชั้น เอากระดาษทับข้างบนอีกสองชั้น แล้วเอาจานอีกใบวางทับ 
นำไปเข้าไมโครเวฟ 1 นาที เอากระดาษซับน้ำที่ออกมาอีกทีให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้

ทาเพสโต้บนแป้ง แล้วโรยเนยแข็ง ตามด้วยเห็ด และเอาใบกะเพรา 4-5 โรยหน้าพองาม

นำกระทะไปตั้งไฟ แรงเกือบสุด (medium high) 3 นาที แล้วนำเข้าเตาอบ 
อบประมาณ 10-12 นาที หรือจนแป้งเป็นสีเหลืองทอง และเนยแข็งละลาย

ดัดแปลงจาก www.jennycancook.com


วิธีทำเพสโต้กะเพรา

ถ้่วพีแคน วอลนัต หรือถั่วลิสงแห้ง 1/2  ถ้วยตวง
ใบกะเพรา 2  ถ้วยตวง
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 1 กลีบ
เกลือ 1/4 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วยตวง

นำถั่วไปบดหยาบๆ (pulse) ในเครื่องปั่น แล้วใส่เครื่องปรุงที่เหลือลงไป บดพอเข้ากันดี